Saturday, February 8, 2014

Gyu Don หรือ ข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่น

  วันที่ 3 ของการถูกล้อมด้วย Snow ตอนนี้หยุดตกแระ แต่ลูกเห็บตกแทน ชีวิตมันจะไปกันใหญ่แระ เอาเหอะ ถือซะว่าเป็นการพักผ่อน อยู่กะตัวเอง อยู่กะหมา อยู่กะสามี อบอุ่นดีค่ะ ไม่มีอะไรต้องเสียใจสักหน่อยเนอะ อยู่ที่นี่มา 4 ปี ครั้งนี้ snow ตกหนักที่สุดเลยค่ะ ไม่เคยต้องปิดร้านเลย ครั้งนี้ถือว่าเยอะที่สุด ทำไงดีให้หายเบื่อ หาอะไรอร่อย ง่ายๆ กินดีกว่าไหม ปิ๊งเลย อาหารง่ายของคนชอบเนื้อ  “ ข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่น “ อุปกรณ์มีครบ เริ่มเลย
IMG_2223
ส่วนผสม
1. เนื้อติดมันนิดหน่อย ประมาณ                       200       กรัม
2. หัวหอมใหญ่                                              1/2       ลูก
3. ต้นหอมซอย ไว้โรยหน้า
4. สาเก                                                        1          ช้อนโต๊ะ
5. มิริน                                                         1          ช้อนโต๊ะ
6.น้ำตาลทราย                                               1          ช้อนโต๊ะ
7. โชยุ ( ซีอิ๊วญี่ปุ่น )                                        1         ช้อนโต๊ะ
8. น้ำซุปปลา วันนี้ไม่มี ใช้ซุปไก่ไปก่อน อิอิ           1         ถ้วย
9. ขิงซอย นิดหน่อย
วิธีทำ
1. ตั้งกะทะ ใส่น้ำมันพืช เราใช้น้ำมันมะกอก พอน้ำมันร้อน เอาหอมลงเจียว พอเป็นสีเหลืองสวย ใส่ขิงลงไป ผัดจนหอม
2. ใส่เนื้อวัวที่เตรียมไว้ ลงไปผัด จนเริ่มสุก ปรุงรส ด้วย สาเก, มิริน, น้ำตาลทราย, โชยุ ผัดจนเข้ากัน
3. ใส่น้ำซุป ลงไป จากนั้นเคี่ยวสักพักจนเนื้อนุ่ม ชิมรสตามชอบ ได้เลยค่ะ
4. เสร็จแล้วตักราดบนข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ โรยหน้าด้วยต้นหอม เสริฟคู่กับไข่ต้มยางมะตูม
IMG_2221 IMG_2222
สองชามพอดี ของเราสองคนกะสุดที่รัก
   ง่ายไหมคะ แค่หยิบของในตู้เย็นมาก็ได้อาหารง่ายๆ แต่อร่อย ถูกใจคนกิน ได้คำชมให้หน้าบานขึ้นไปอีก อิอิ
IMG_2225 IMG_2229
ทิ้งท้ายด้วยความสามารถพิเศษ ของไอ้ตัวแสบที่บ้านค่ะ วิชาตัวเบาเดินบน snow
อีกหนึ่งวันในต่างแดนผ่านไป ใครว่าอยู่เมืองนอกสบาย

Mixed Fruit Banana Nuts Muffin

ชื่อยาวมาเลยค่ะ ที่มาที่ไปคือ หิมะตกค่ะ ไปไหนไม่ได้มาสองวัน ร้านปิด ไม่ได้ทำงาน ขับรถออกไป รถติดหล่ม snow เลยต้องหาอะไรกินง่ายๆ ทำง่าย มีอะไรใส่ลงไป ที่สำคัญกล้วยที่ซื้อมาเริ่มกินไม่ทัน เสียสุดๆ เอามาทำขนมซะ ยังเก็บไว้กินได้อีกหลายวัน ส่วนผลไม้รวมนั้นเพราะชอบค่ะ มีอะไรในตู้ก็ใส่ๆไปเหอะ อร่อยเอง 

 

             IMG_2198              IMG_0107

ส่วนผสม

  • กล้วยหอมสุกยิ่งงอม ยิ่งดี                           400                     กรัม
  • กลิ่นวานิลลา                                            1                      ช้อนชา
  • กลิ่นบัทเทอร์                                            1                      ช้อนชา
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์                               200                     กรัม
  • ผงฟู                                                       1                      ช้อนชา
  • baking soda                                        1/2                     ช้อนชา
  • ไข่ไก่                                                      2                       ฟอง
  • น้ำตาลทราย                                          110                      กรัม
  • น้ำมันพืช                                                80                      กรัม
  • เกลือ                                                    1/4                      ช้อนชา
  • walnuts บดหยาบๆ                                  60                      กรัม
  • ผลไม้ต่างๆ ครั้งนี้เราใช้ แอพริคอต, เชอรี่, บลูเบอร์รี่   
  • อัลมอนด์สไลด์ สำหรับโรยหน้า
วิธีทำ
  1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 350 F (180 C) เตรียมพิมพ์ที่จะใส่มัฟฟินรอไว้
  2. ร่อนแป้ง, ผงฟู, baking soda รวมกัน เราร่อนไป 3 ครั้ง จะได้ผสมเข้ากันง่าย เพราะมัฟฟินไม่ควรใช้เวลานานในการผสม เพราะเนื้อจะเหนียว และ หนัก
  3. บดกล้วยหอม ใส่กลิ่นวานิลลา, กลิ่นบัทเทอร์ ลงไปบดพร้อมกล้วย พักไว้
  4. จากนั้นหันมาตีไข่ไก่, น้ำตาลทราย, น้ำมันพืช และเกลือป่น เข้าด้วยกัน ตีด้วยสปีดสูงสุด ประมาณ 3 นาที จนไข่ฟูมีลักษณะค่อนข้างข้น
  5. ใส่กล้วยที่บดไว้ลงไปตีด้วย แต่ใช้ สปีดต่ำ ให้เข้ากันดีกับส่วนผสมไข่
  6. ใส่ส่วนผสมแป้งที่ร่อนพักไว้ลงไป ตีด้วยสปีดต่ำสุดประมาณ 1 นาที หรือพอส่วนผสมเข้ากันดี ก็หยุดตีทันที ใส่ ผลไม้รวม, walnuts ที่เตรียมไว้ลงไป จากนั้นใช้พายปาดขอบอ่างและก้นอ่างตะล่อมจนส่วนผสมเข้ากันดี ไม่ให้มีแป้งอยู่ก้นอ่าง 
  7. จากนั้นเทส่วนผสมใส่พิมพ์ จนเกือบเต็ม ระหว่างเทแป้งลงพิมพ์ เราใส่ บลูเบอรี่ลงไปอีกถ้วยละ 3 ลูกด้วย ชอบค่ะ จากนั้นโรยหน้าขนมด้วย อัลมอนด์สไลด์ แล้วนำเข้าอบ ประมาณ 20-25 นาที

IMG_2185 IMG_2186

IMG_2187 IMG_2189 IMG_2190

IMG_2191 IMG_2194 (1)

IMG_0108 IMG_2195 

หอมฟุ้งออกมาเลย ได้มา 12 ลูกพอดี

IMG_0107 IMG_2198

โรยหน้าด้วย almond กับ อีกชุดนึงโรยหน้าด้วย pecan

IMG_0115 IMG_2217

เนื้อนุ่ม หอมกล้วย หวานผลไม้ เคี้ยว walnuts มันๆ

กินเพลินมากค่ะสูตร ทั้งง่าย ส่วนผสมมีอยู้แล้ว เช้ามา กาแฟ + home made muffin + กับน้ำผลไม้สักแก้ว แล้วค่อยออกไปสู้ชีวิตกันต่อไป ของง่ายๆ ในชีวิตยุ่งๆ อย่าลืม ว่า " อาหารเช้าสำคัญที่สุด "

IMG_1220 IMG_1223

กินเสร็จ กวาด snow OMG

Thursday, February 6, 2014

ข้าวหน้าแกงกะหรี่ญี่ปุ่นแสนง่าย

 

IMG_2140

           แกงกะหรี่ญี่ปุ่นนี่เป็นของโปรดเลยค่ะ เชื่อไหมว่า ไปกินมาหลายร้านในอเมริกา สั่งไปเหอะ ไม่เคยประทับใจค่ะ ทั้งจืด ทั้งชืด เอาไงล่ะ ชอบ อยากกิน แพง ไม่อร่อย ครบสูตร ว่าทำไมถึงต้องหาวิธีทำกินเอง

          วันนี้ยังเป็นวันโอกาสดีด้วย เพราะว่า หิมะตกหนักทั้งวันค่ะ ไปไหนไม่ได้ ร้านก็เปิดไม่ได้ เลยต้องหาอะไรทำแก้เบื่อ สร้างความสุขเล็กให้ครอบครัวไปด้วย มาดูส่วนผสมกันก่อน ง่ายๆ เริ่มจากหุงข้าวญี่ปุ่นรอไว้ก่อนเลยระหว่างทำแกง

วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นแสนง่าย

           - ข้าวญี่ปุ่น                                                                          2            ถ้วย

           - น้ำเปล่า                                                                          2 1/2         ถ้วย

            เริ่มจากซาวข้าวหลายๆรอบ จนน้ำใส ที่ต้องซาวจนน้ำใส เพราะจะทำให้เมล็ดข้าวใส เป็นเงาสวย จากนั้นสะเด็ดน้ำ นำข้าวใส่หม้อหุงข้าว เติมน้ำลงไป 2 1/2 ถ้วย กดให้หม้อหุงข้าวทำงานกันไป ส่วนเราไปทำแกงเตรียมไว้ดีกว่าค่ะ

ส่วนผสม

1. เครื่องแกงกะหรี่ญี่ปุ่น เราเลือกแบบ extra hot                                     2-3          ก้อน

2. เนื้อไก่ ถ้าใช่ส่วนน่องแล่เอาแต่เนื้อ ส่วนเรา มีแต่เนื้อหน้าอกวันนี้  ตามชอบ

3. หัวหอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยม                                                                    1/2          หัว

4. มันต้มหั่นสี่เหลี่ยมพอสุกมากน้อยตามชอบ

5. แครอทหั่นสี่เหลี่ยมต้มพอสุกมากน้อยตามชอบ

6.โยเกิร์ตรสธรรมชาติ หรือ รสผลไม้รวม                                            3/4              ถ้วย

7. น้ำซุป                                                                                             2 1/2               ถ้วย

8. น้ำตาลเล็กน้อย                                                                                    1               ช้อนโต๊ะ

9. มิริน                                                                                                    1                ช้อนโต๊ะ

10. เนยจืด หรือเค็มก็ได้ค่ะ

วิธีทำ

1. เริ่มจาก ตั้งหม้อที่จะใช้ทำแกง ใส่เนยพอละลาย ก็ใส่หอมใหญ๋หั่นสี่เหลี่ยมลงไป ผัดจนนิ่มเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอม

2. จากนั้น ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดจนสุก ใส่มัน และ แครอท ผัดต่อจนสุกทั่วกัน จากนั้นเติมน้ำซุปลงไป

3. พอเดือด คอยช้อนฟองออกให้หมด เติมน้ำตาล โยเกิร์ต ลงไป แล้วเติมมิริน

4. นำเครื่องแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ใส่ถ้วยตักน้ำซุปในหม้อ มาละลายเครื่องแกงก้อน แล้วเทเครื่องแกงลงหม้อ

5. ต้มต่อจนเดือด คอยคนอย่าให้ก้นหม้อไหม้ เคี่ยวสักพักจนน้ำข้น มัน และ แครอทเปื่อย ก็เป็นอันว่าใช้ได้ค่ะ ชิมรสอย่าให้เค็มเกิน เพราะเครื่องแกงมีรสเค็มถ้าเค็มเกิน เพิ่ม โยเกิร์ต หรือน้ำตาลเล็กน้อย ถ้าจืดไปเพิ่มเครื่องแกงได้นะคะ ตักข้าวญี่ปุ่น ราดแกงลงไป เสริฟร้อนๆ

 

จัดเสริฟกับไข่ต้ม หรือ หมูทอด  ก็อร่อย ส่วนวันนี้เรา ทำ Huney Ham omlette แทน เพราะ Ham ที่ซื้อไว้ใกล้หมดอายุเเล้ว เลยต้องรีบจัดการ

        อาหารง่ายๆ ใช้เวลาไม่นาน แต่สร้างความสุขให้กับครอบครัวได้ กลายเป็น dinner กับสามี แถมได้รับคำชมไม่ขาดเลยค่ะ ปลื้มมมมมมม

Sunday, September 22, 2013

ขนมปังสุดนุ่ม 3 ไส้


   ทำขนมปังมาหลายสูตรค่ะ เพราะชอบกินมาก และที่สำคัญคือ รู้สึกว่ามันยังต้องดีกว่านี้ เลยหาสูตรใหม่ลองมาเรื่อย สูตรแรกที่ชอบเลย คือ Hokkaido Milk Bread นั่นก็รู้สึกว่ามันนุ่มแล้วนะคะ แต่มันก็ยังรู้สึกว่า มันขาดอะไรบางอย่าง คือ ขนมปังในฝันของเรา (อาจเป็นความชอบส่วนตัว) คือ ต้องเหนียว นุ่ม แต่เนื้อต้องไม่แน่น เพราะมันจะแข็ง (เยอะไปไหม) ก็ในเมื่อทำเองเป็น มันต้องทำจนกว่าจะถูกใจตัวเองสิ จริงไหม
    ครั้งนี้เลยลองสูตรใหม่ เอามาจาก Internet นี่แหละค่ะ ถ้าเข้าใจไม่ผิด เจ้าของบล็อคชื่อว่า จอมบงการ รึเปล่าไม่แน่ใจ ชื่อน่าเกรงใจมาก แต่ อร่อยค่ะ มากด้วยยยย ขอบคุณไว้ ณ จุดนี้
    มาเริ่มกันเลยค่ะ อย่าช้า 

ส่วนผสมนะคะ




                     1. แป้งขนมปัง                                 320                               กรัม

                     2. ยีสต์แห้ง                                       3                                 กรัม

                     3. น้ำตาลทราย                                  4                                 ช้อนโต๊ะ

                     4. ไข่ไก่   ( เบอร์ 3 )                           1                                 ฟอง

                     5. เกลือ                                            4                                 กรัม

                     6. น้ำอุ่น                                         160                               กรัม

                     7. วิปปิ้งครีม                                     35                                กรัม

                     8. น้ำผึ้ง                                           33                                กรัม

                     9. เนยสดจืด                                      20                                กรัม

      

     เกือบลืมบอกไป วันนี้ทำเยอะหน่อยค่ะ 2 สูตร เพราะฉะนั้น ทุกอย่างเพิ่มอีกเท่านึง เลยเห็นในรูปมี ไข่ไก่ 2 ฟองนะคะ


ลงมือกันเลยดีกว่าเนอะ

   ของเรา ใช้เครื่องทุ่นแรง ในการการนวด คือเจ้าเครื่องทำขนมปังตัวโปรด (เพราะมีอยู่ตัวเดียว) เวลาใช้เครื่องทำขนมปังนวดแป้งเนี่ย ก็จะต้องใส่ส่วนผสมที่เป็นของเหลวลงไปก่อน ตามด้วยส่วนผสมแห้ง แต่ถ้าใครนวดมือ หรือว่า ใช้เครื่องตี แบบหัวตะขอ ก็จะกลับกันนะคะ ต้องใส่ส่วนผสมแห้งก่อน แล้วตามด้วยส่วนผสมที่เป็นของเหลว 



เริ่มด้วยฉีด cooking spray ลงไปบนหัวตีนะคะ เวลาตี แป้งจะได้ไม่ติด





ใส่วิปปิ้งครีมลงไปก่อน แล้ว ตามด้วยน้ำอุ่น ตอนใส่น้ำอุ่นเนี่ย แนะนำว่า ไม่ต้องใส่ลงไปทีเดียวจนหมดนะคะ เพราะการนวดแป้งทำขนม บางทีมันก้อไม่แน่นอน บางครั้งไข่ใบใหญ่ไปนิด อากาศร้อนไปหน่อย เนยละลายเร็ว นั่นก้อทำให้ส่วนผสมของเหลวเยอะขึ้น เอาเป็นว่า ตอนใส่น้ำ ไม่ต้องใส่จนหมด ใส่สักประมาณ 2/3 ก่อน ถ้าส่วนผสมแห้งไปตอนนวด ก็ใส่น้ำเพิ่ม แต่ถ้าใครเผลอใส่น้ำเยอะไปแล้ว นวดๆไปถ้าแฉะ ก้อเติมแป้งนะคะ ว่ากันไปตามนั้น





ไล่ใส่ส่วนผสม ตามนี้เลยค่ะ



แล้วตามด้วยส่วนผสมแห้ง คือ แป้งขนมปัง, น้ำตาลทราย, เกลือ, ยีสต์ เวลาใส่ ยีสต์ กะ เกลือ เนี่ย เอาให้อยู่ไกลๆกันเลยค่ะ มันไม่ถูกกัน เข้าใจว่าเคมีไม่ตรงกันนะคะ เดี๋ยวขนมปังไม่ขึ้นนะ



ใครใช้เครื่องทำขนมปัง ก็ เลือกโปรแกรม 9 Dough ได้เลย ตามโปรแกรมจะนวด แล้วพักแป้งเสร็จภายใน 1 ชั่วโมง 30 นาที คือ เครื่องจะนวด 30 นาที แล้วพักแป้ง 1 ชั่วโมง แต่จากประสบการณ์ รวมทั้งอากาศที่บ้านเย็นตลอด มันเลยทำตามโปรแกรมไม่ได้ จะดูเอาเอง ว่าแป้งได้ที่หรือยัง ถึงจะหยุดตีค่ะ






ตามในรูปเลยค่ะ ตีจนเนียน ขึงเป็นแผ่นบางๆได้ และ แป้งไม่ติดมือ เรียกว่าใช้ได้นะคะ ความจริงตามภาพนี่ จะตีต่ออีกหน่อย ก็จะเนียนขึ้นอีก แต่ ขี้เกียจรอแล้วค่ะ อยากกินแล้ว พอเหอะเนอะ อิอิ



จากนั้นก็ถึงเวลาพักแป้งค่ะ อย่างที่บอกไปแล้ว ที่นี่อากาศเย็นตลอด พักแป้งทีใช้เวลานานมาก เลยต้องช่วยน้องแป้งกันหน่อย คือ เอาน้ำใส่ถ้วยต้มในไมโครเวฟค่ะ พอน้ำเดือด ก้อเอาถ้วยน้ำออก แล้วใส่แป้งเข้าไป อุณหภูมิข้างในจะอุ่นๆ แป้งขึ้นเร็วดีค่ะ 

ระหว่างรอ ก็ ทำความสะอาดบ้าน แล้ววันนี้เหลือเวลานิดหน่อย เลยพาน้องหมาออกไปเดินเล่น ออกกำลังด้วย เรียกว่าใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ทุกนาที อิอิอิ 





พอกลับมา ว๊าววววว แป้งได้แล้วค่ะ เห็นไหม อวบอ้วน ก้อนโตเชียว ใช้นิ้วจิ้มลงไป แล้ว แป้งไม่เด้งตามกลับมา เป็นอันว่า แป้ง Perfect แล้ว มาลุยกันต่อเลย


เราเอาออกมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ลูกละประมาณ 42 กรัม ได้มาทั้งหมด 34 ลูก แบ่งเป็นไส้เนยสด 9 ลูก ที่เหลือก็ทำไส้หมูหยองน้ำพริกเผา กับ ทูน่าแฮมชีส






เวลาแบ่งแป้งเป็นลูกๆ ก็เรียงด้วย ว่าอันไหนก่อนหลัง นะคะ ทำไล่ไปเรื่อยๆ จากลูกแรก จน ลูกสุดท้าย ใส่ไส้แล้ว ปิดให้แน่นสนิทที่สุดเลยนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวตอนอบไส้ทะลักออกมานะ





ขึ้นรูปเสร็จแล้ว ก็พักแป้งโดย wrap ไว้ไม่ไห้โดนลมนะคะ พักจนแป้งขึ้นมาอีกหนึ่งเท่า แล้วเอาออกมาทา egg wash ก่อนอบ หน้าขนมจะได้สวยๆ นะคะ  


ส่วนผสม egg wash ของเราคือ 

ไข่แดง                 1      ฟอง 

        นมข้นจืด            1      ช้อนโต๊ะ 


วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 350 F เข้าอบ ประมาณ 12-15 นาที




 

เจ้าใส่เนยสดนั่น ใส่ถาดเล็ก เพราะแค่ 9 ลูก เลย เอาใส่เตาอบเล็กก่อน เรื่องของเรื่อง อยากกินก่อน   ขี้เกียจรอเตาใหญ่วอร์มนานค่ะ อยากรู้แล้วว่าจะนุ่มแค่ไหน 




ออกจากเตาอบปุ๊บ ก็ทาหน้าด้วย นมข้นจืดนะคะ หน้าขนมจะเงาสวยค่ะ เราชอบหน้าหวานๆนิดนึง เลยโรยน้ำตาลไอซิ่งค่ะ




เนื้อเหนียว เบา นุ่มจริงๆค่ะ ไม่ผิดหวังเลย






 

เสร็จแล้วค่ะ ออกมาอร่อย พอใจมากๆ ตอนนี้สูตรนี้เลยเป็นสูตรในดวงใจเลยค่ะ ใครกินก็ติดใจ บอกว่ายิ่งทำ ยิ่งอร่อย ปลื้มจัง


       

ความสุขของการทำขนมอยู่ที่ รู้จักอดทน รอคอย มันก็เหมือนชีวิตนะ ทำอะไรก็ต้องอดทน ใช้เวลากับมัน รอจังหวะที่เหมาะสม แค่นี้ชีวิตก็เหมือนขนม คือ อร่อย นุ่ม ปลื้มค่ะ